ผู้คนตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพของควันจากการเชื่อมมากขึ้น ดังนั้นระบบดูดควันจึงต้องมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การเชื่อมเหล็กกล้าแบบละมุนเป็นวิธีการเชื่อมที่พบบ่อยที่สุดในปัจจุบัน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานอุตสาหกรรมทุกรูปแบบที่ใช้การเชื่อมในกระบวนการผลิต หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดระบุว่าควันที่เกิดจากกระบวนการเชื่อมลักษณะนี้เป็นสารก่อมะเร็ง แม้เราจะไม่ทราบถึงผลที่ตามมาทั้งหมดจากการค้นพบนี้ แต่ก็เป็นเรื่องชัดเจนว่าเราต้องเอาใจใส่กับสุขภาพและความปลอดภัยของช่างเชื่อมให้มากขึ้น รวมถึงหาแนวทางเพื่อช่วยรับรอง

ควันจากการเชื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร และควันดังกล่าวมีสารอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง?

ควันจากการเชื่อมเกิดขึ้นเมื่อโลหะได้รับความร้อนสูงเกินจุดเดือด ไอที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางความร้อนนี้ ควบแน่นกลายเป็นอนุภาคขนาดเล็ก เกิดเป็นควันที่ลอยอยู่ในบรรยากาศ ช่างเชื่อมจำเป็นต้องทำงานด้วยความแม่นยำ พวกเขาจึงต้องอยู่ใกล้กับกระบวนการเชื่อมแบบแมนนวล ซึ่งหมายความว่าควัน อนุภาค และก๊าซจากเข้าสู่บริเวณการสูดหายใจ (ห่างจากจมูกและปาก <30 เซนติเมตร/12 นิ้วจากจมูกและปาก) ของช่างเชื่อม ทำให้มีความเสี่ยงอย่างมากว่าจะสูดสารนี้เข้าไป

วิธีการเชื่อมแต่ละแบบให้ควันในปริมาณที่ต่างกัน ซึ่งควันเหล่านี้ทุกชนิดก็มีความเข้มข้นของสารพิษที่หลากหลาย โครเมี่ยม, แมงกานีส, นิกเกิล, ไนโตรเจนออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นสารที่พบมากที่สุดและอันตรายที่สุด เนื่องจากอนุภาคขนาดเล็กมักจะเข้าไปอยู่ในปอดได้ลึกกว่าเมื่อสูดเข้าไป อนุภาคเหล่านี้และก๊าซชนิดต่างๆ จึงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่า

การกำหนดให้ควันจากการเชื่อมเหล็กกล้าละมุนเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์

ในเดือนเมษายน 2017 ทางหน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งสากล (International Agency for Research on Cancer หรือ IARC) เผยแพร่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงว่าควันจากการเชื่อมเหล็กกล้าละมุนอาจทำให้เกิดมะเร็งปอด (และเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดมะเร็งไต) ในมนุษย์ การดำเนินการทางกฎหมายอย่างแรกสุดที่เกิดขึ้นก็คือ Health and Safety Executive (HSE) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงานโดยเฉพาะ ได้เปลี่ยนการจำแนกประเภทควันจากการเชื่อมเหล็กกล้าละมุน โดยกำหนดให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์

เนื่องจากระบบระบายอากาศโดยทั่วไปนั้นอาจไม่สามารถควบคุมการปล่อยมลพิษในระดับที่จำเป็นได้ HSE จึงเปลี่ยนความคาดหมายในการบังคับใช้ ทำให้ธุรกิจทั้งหมดที่มีกิจกรรมการเชื่อมต้องดำเนินการควบคุมเชิงวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องคนงานไม่ให้สูดควันจากการเชื่อมเข้าสู่ร่างกาย “ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลานานเท่าใด HSE จะไม่ยอมรับการเชื่อมที่ไม่ได้ดำเนินการควบคุมการสูดดมสารเคมีที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ทราบระดับการสูดดมสารที่ปลอดภัยต่อร่างกาย” (แหล่งข้อมูล: www.hse.gov.uk)

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับควันจากการเชื่อมเหล็กกล้าละมุนน่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มแรก

กฎหมายความปลอดภัยในสถานที่ทำงานของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม สำหรับในทวีปยุโรป สหภาพยุโรปได้ตั้งข้อกำหนดขั้นต่ำที่รัฐสมาชิกต้องปฏิบัติตาม ข้อกำหนดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสถานที่ทำงานหลากหลายประการ รวมถึงคุณภาพอากาศ และขีดจำกัดของสารเคมีที่เป็นอันตรายบางชนิด หลายประเทศมีข้อกฎหมายที่สอดคล้องกับข้อกำหนดดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว แต่การพัฒนาล่าสุดที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรนั้นก็กล่าวได้ว่าเป็นก้าวสำคัญไปสู่กฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในเรื่องการเชื่อมเหล็กกล้าละมุน ประเทศอื่นๆ ได้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อแสดงความจำนงว่าตนมีแนวโน้มจะบังคับใช้กฎหมายเรื่องควันจากการเชื่อมที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยมีประเทศเยอรมันเป็นประเทศล่าสุด

กระบวนการเชื่อมรูปแบบต่างๆ ต้องการระบบดูดควันที่แตกต่างกันไป

เราพบว่าการดูดควันที่แหล่งกำเนิด (หรือการดักจับที่แหล่งกำเนิด) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดักและกำจัดควัน ถึงกระนั้น โซลูชันที่ดีที่สุดอาจอยู่ในรูปแบบอุปกรณ์พกพา ติดตั้งตายตัว รวมศูนย์ หรือสั่งทำเฉพาะ ทั้งนี้ขึ้นกับกระบวนการเชื่อมและสภาวะแวดล้อมในการทำงานเชื่อม Nederman Fume Eliminator เป็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่สามารถเคลื่อนย้ายและพกพาไปยังส่วนต่างๆ ของโรงงานหรือเวิร์กช็อปได้ เพื่อการเชื่อมเป็นเวลาสั้นๆ อุปกรณ์ติดตั้งตายตัว เช่น แขนดูดควันและม้วนท่อดูดควัน หรือโต๊ะทำงานเชื่อมและเจีย ยังคงที่วิธีการดูดควันที่นิยมใช้ที่สุด และจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เพราะระบบนี้จะเข้ามาแทนที่ระบบหมุนเวียนอากาศที่ใช้ในส่วนงานเชื่อมที่กินเวลายาวนานหลายแห่ง

มาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของช่างเชื่อมมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น

แม้จะคาดเดาได้ยากว่าข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเชื่อมในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราก็สามารถคาดการณ์สิ่งอื่นๆ เกี่ยวกับการเชื่อมในเชิงอุตสาหกรรมได้ ในอดีต บ่อยครั้งที่งานเชื่อมจะต้องแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน แต่ในปัจจุบัน กระบวนการเชื่อมแบบพร้อมกันหลายส่วนช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นมาก กระบวนการนี้เป็นการขยับชิ้นงานอย่างซับซ้อน พร้อมกับการเชื่อมชิ้นส่วนหลายชิ้นเข้าด้วยกันในขั้นตอนการผลิตขั้นเดียว สนับสนุนโดยระบบดูดควัน ณ แหล่งกำเนิดที่สั่งทำเฉพาะ หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ด้วยการพิมพ์ 3 มิติในรูปแบบชิ้นส่วนชิ้นเดียว 

นอกจากนี้ เรายังคาดหวังว่าการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรักษาความสะอาดและคุณภาพงาน หุ่นยนต์เชื่อมเหล่านี้ก็ต้องมีระบบดูดควันเช่นกัน ทั้งหุ่นยนต์และพื้นผิวการเชื่อมจะต้องสะอาด เพื่อให้หุ่นยนต์ทำงานด้วยความแม่นยำในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ คนงานก็ต้องเข้าถึงหุ่นยนต์เหล่านี้ได้เมื่อทำงานซ่อมบำรุงหรือปรับตั้ง หมายความว่าอากาศภายในสภาพแวดล้อมที่ตั้งหุ่นยนต์ก็จะต้องปราศจากสารก่อมะเร็งและอนุภาคอันตรายอื่นๆ

แนวโน้มทั้งสองสนับสนุนการพัฒนาที่เราคาดการณ์ไว้ โดยช่างเชื่อมรุ่นใหม่จะท้าทายพฤติกรรมและวัฒนธรรมการทำงานแบบเก่า พร้อมเรียกร้องสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและสะอาดขึ้น

ทุกคนล้วนได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมการทำงานเชื่อมที่ปลอดภัยและสะอาด

บริษัทต่างๆ ที่ติดตั้งระบบดูดควันที่มีประสิทธิภาพมักจะตระหนักถึงความแตกต่างได้เร็วมาก เพราะโรงงานและเวิร์กช็อปของพวกเขาจะสะอาดขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อดูดควันด้วยวิธีที่ถูกต้อง สภาพแวดล้อมดังกล่าวช่วยให้คนงานมีสุขภาพดีขึ้น ส่งผลให้การลาป่วยลดน้อยลง และป้องกันการเกษียณก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ธุรกิจที่มีสภาวะการทำงานที่ปลอดภัยและสะอาดยังส่งผลให้ความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น คุณภาพผลิตภัณฑ์ดีขึ้น พร้อมมีโอกาสดึงดูด (และรักษา) บุคลากรความสามารถสูงได้ดียิ่งขึ้น

ถ้าคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูดควันจากการเชื่อม โปรดอ่านโพสต์บล็อกของเพื่อนร่วมงานของฉันเรื่องการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์ และการดูดฝุ่นและควันในสภาพแวดล้อมการพิมพ์ 3 มิติ ในศูนย์ความรู้ Nederman นอกจากนี้คุณยังอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Nederman ได้ที่นี่